วันนี้ ผมลองไปคัดพระท่ากระดานในกล่อง พยายามเลือกหยิบเนื้อจัดๆดูง่ายๆมาสององค์ เลยถ่ายรูปเพื่อการศึกษาครับ หลักการดูเนื้อพระท่ากระดานนั้น ต้องเน้น 1. ตะกั่วเก่าสีเทาๆ และกร่อนออกไขฉ่ำคลุมอยู่เสมอ 2. ทองคำเปลว ที่ปิดมาจะเหี่ยวเป็นริ้ว ของเก๊จะใช้สีทองทาเป็นส่วนใหญ่ แม้ใช้ทองคำเปลว ก็ยังจะดูใหม่ๆ 3. รักเก่า ปริแยกเป็นชิ้นเล็กๆ 4. สนิมผดรอบองค์ และ 5. สนิมไขทั้งคลุม และอยู่ในขุม และมักจะกลมกลืนกับสนิมแดง ดังรูป สมิมผด อยู่กลมกลืน และใต้คราบกรุ และสนิมไข ดูใกล้ๆจะฉ่ำแบบนี้ สนิมไขในขุม ปะปนกับสนิมแดง เนื้อตะกั่วที่เป็นผิวเปิด จะมีสนิมไขคลุม ออกสีเทาๆ ประมาณนี้ครับ
พระท่ากระดานหูช้างตัดชิด กรุเทวสังฆาราม เนื้อตะกั่วสนิมแดง กาญจนบุรี กลับหน้าแรก พระท่ากระดานหูช้างตัดชิด กรุเทวสังฆาราม เนื้อตะกั่วสนิมแดง กาญจนบุรี
3. พระเครื่องเนื้อผง เป็นพระเครื่องที่มีอายุอานามในการสร้างมากเช่นเดียวกัน โดยการผสมมวลสารต่างๆเข้าด้วยกัน ซึ่งมวลสารที่นำมาสร้างก็มีส่วนผสมด้วยกันมากมายหลายชนิด แล้วแต่สูตรของพระเกจิคณาจารย์แต่ละท่านที่สร้างพระเครื่อง มวลสารที่นำมาสร้างพระเครื่องเนื้อผงก็แล้วแต่วัตถุดิบที่หาได้ในยุคสมัยนั้นๆ. 4.
พระเครื่องในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีการสร้างไว้มากมายหลายรูปแบบ เราไม่ทราบถึงจุดเริ่มต้นที่แน่นอนของการสร้างขึ้นมา นอกจากการคาดเดาหรือหลักฐานทางโบราณคดีที่เจอ ซึ่งหัวใจสำคัญอีกอย่างในการสร้างพระเครื่องนั่นก็คือ "มวลสาร" วันนี้เราจะมาอธิบายถึงเรื่องมวลสารพระเครื่อง โดยจำแนกลักษณะวัตถุดิบที่นำมาจัดสร้าง ซึ่งจะแบ่งได้ 5 ประเภทหลักๆ ดังนี้ค่ะ. 1. พระเครื่องเนื้อดิน พระเครื่องเนื้อดินเป็นพระเครื่องที่มีอายุการสร้างเก่าแก่ที่สุด โดยการนำดินอันเป็นวัสดุหาง่าย คงทน สร้างสรรค์ปฏิมากรรมได้สะดวก ซึ่งดินที่นำมาสร้างพระเครื่องล้วนเป็นดินที่นำมาจากศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์หรือสถานที่เป็นมงคล มีการทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นมงคลแก่พระเครื่องที่สร้าง ในการสร้างจะนำมวลสารต่างๆ มาผสมคลุกเคล้ากัน โดยมีดินเป็นมวลสารหลักในการยึดประสานมวลสารต่างๆ ให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงนำส่วนผสมไปกดลงในแม่พิมพ์ที่แกะเค้าโครงรูปร่างของพระเครื่องที่ต้องการ เมื่อนำพระออกจากพิมพ์แล้ว จึงนำพระมาผ่านกรรมวิธีทำให้แห้ง ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท 1.
2506 ได้มีการขุดค้นพบพระท่ากระดานอีก ที่บริเวณวัด "นาสวน" (วัดต้นโพธิ์) อยู่เหนือที่ว่าการอำเภอศรีสวัสดิ์เล็กน้อยเป็นบริเวณพระอารามร้าง ในการพบในครั้งนั้นได้พระท่ากระดานจำนวนไม่มากนักคือจำนวนไม่กี่สิบองค์ วัดที่ได้กล่าวข้างต้นนั้น ทั้งหมดอยู่ในเขตอำเภอศรีสวัสดิ์ อาจกล่าวได้ว่าพระเหล่านั้น นักนิยมพระเครื่องมักเรียกว่าพระกรุเก่า หรือกรุศรีสวัสดิ์ ทั้งสิ้น นอกเหนือจากกรุขุดพบบริเวณเขตอำเภอศรีสวัสดิ์ ยังมีการขุดค้นพบที่บริเวณ "วัดหนองบัว" ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลหนองบัว อำเภอเมืองกาญจนบุรีอีก พบจากการปฏิสังขรณ์พระอารามได้พระท่ากระดานประมาณ 90 องค์ เมื่อปี พ. 2497 ได้มีการพบพระกระดานอีกเป็นจำนวนมากที่ "วัดเหนือ" (วัดเทวสังฆาราม) ตั้งอยู่ที่เขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรีโดยทางวัดได้ทำการเจาะพระเจดีย์องค์ประธาน เพื่อที่จะบรรจุพระ 25 พุทธศตวรรษ ก็พบไหโบราณ ซึ่งบรรจุพระท่ากระดานและได้พบพระอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก เช่น พระขุนแผนสนิมแดงห้าเหลี่ยม พระท่ากระดานหูช้าง และพระอื่นๆ อีกมาก วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) ถือว่าเป็นวัดที่พบพระท่ากระดานที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะพระจะอยู่ในไหและเป็นพระที่สมบูรณ์มากที่สุด ในปี พ.
พระที่ผ่านการตากแดด พระประเภทนี้เรียกว่า "พระดินดิบ" หมายถึงมวลสารถูกแยกน้ำออกด้วยวิธีการตากแดดให้แห้ง ความแข็งแกร่งคงทนจะน้อยกว่าพระที่ผ่านการเผา ดินจะสามารถละลายตัวหากนำมาแช่น้ำทิ้งไว้ พระเนื้อดินดิบ ได้แก่ พระเครื่องศิลปะศรีวิชัยที่พบทางใต้ เช่น พระเม็ดกระดุม เป็นต้น. 2.