- เรื่องความงาม ตัวแปรนี้เป็นแนวคิดที่สามารถวัดได้โดยบุคคลที่ตีความเท่านั้น ความงามคือคุณภาพที่ไม่มีค่าตัวเลขและไม่สามารถจำแนกได้ตามลำดับชั้น ดังนั้นจึงเป็นตัวแปรเชิงคุณภาพเล็กน้อย. - สถานภาพสมรส สถานะทางแพ่งของบุคคลเป็นตัวแปรเชิงคุณภาพที่ไม่สามารถกำหนดค่าตัวเลขได้ มันเป็นแนวคิดที่ไม่ได้มีการสั่งซื้อที่เฉพาะเจาะจง. - ความสุข ตัวแปรนี้ไม่สามารถวัดได้เป็นตัวเลขเพราะขึ้นอยู่กับค่าที่กำหนดโดยแต่ละบุคคล ความสุขเป็นคุณสมบัติที่แต่ละคนรู้สึกอย่างเป็นส่วนตัวและไม่มีเครื่องมือในการวัดระดับความสุขที่บุคคลสามารถรู้สึกได้. - ความไม่รู้ ตัวแปรนี้ไม่สามารถวัดได้เป็นตัวเลขและแสดงในช่วงเวลาและทัศนคติที่เฉพาะเจาะจง. - ยูทิลิตี้ ตัวแปรที่กำหนดว่าวัตถุมีประโยชน์นั้นมีคุณภาพอย่างชัดเจนหรือไม่ ด้วยวิธีนี้ยูทิลิตี้จะรับรู้โดยแต่ละคนตามสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง. - ประเภทของเหรียญ นี่คือตัวแปรเชิงคุณภาพตามลำดับเนื่องจากมีการจำแนกตามหมวดหมู่ที่กำหนดสถานที่ภายในความสามารถ ด้วยวิธีนี้เหรียญทองเงินและเหรียญทองแดงหมายถึงสถานที่ที่มีการแข่งขันโดยไม่จำเป็นต้องกำหนดค่าตัวเลขให้กับผลลัพธ์. - ความคิดสร้างสรรค์ ตัวแปรนี้มีคุณภาพเนื่องจากความคิดสร้างสรรค์ไม่สามารถวัดได้เป็นตัวเลข ในทำนองเดียวกันมันเป็นปัจจัยที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเฉพาะที่เกิดขึ้น.
1. เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ผลงานวิจัย ตลอดจนพัฒนาผลงานวิจัยที่มีคุณค่า และคุณภาพออกสู่สังคมวิศวกรรมทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ 2. เพื่อยกระดับงานวิจัยและพัฒนา รวมถึงเป็นสื่อกลางระหว่างนักวิจัยในประเทศไทย และต่างประเทศในการนำองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นไปก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาวิชาชีพวิศวกรรม 3. สนับสนุน ส่งเสริม ปรับปรุง และพัฒนาการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย ให้เป็นที่ยอมรับในวงการ วิชาการระดับชาติ และระดับนานาชาติ 4. เป็นสื่อเสริมสร้างสติปัญญา และแนวคิดของวิศวกร รวมทั้งเผยแพร่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีวิศวกรรม สาขาต่างๆ ของประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง เปิดประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1, 101 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 12 – 15 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76. 9 เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่เลือกตัดสินใจในจุดที่เหมาะสมควบคุมโรคไปพร้อมกับการเดินหน้าปากท้อง ในขณะที่ ร้อยละ 73. 9 เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ไทยในการจัดหาและกระจายฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึงภายใต้การนำของ พล. อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71. 8 พอใจต่อการตัดสินใจของรัฐบาลในการเปิดประเทศ จากการแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี ในขณะที่ ร้อยละ 71. 7 เชื่อมั่นเพิ่มขึ้นหลังจากรัฐบาล สามารถเดินหน้าเปิดประเทศใน 120 วัน และร้อยละ 69. 7 เห็นด้วย กับ การเปิดพื้นที่นำร่องที่ผ่านมา สู่การขยายเปิดประเทศฟื้นเศรษฐกิจเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83. 3 ดีใจและมีความหวัง ที่การทำธุรกิจ การค้า กลับคืนมา ร้อยละ 82.
รวมถึง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ ศลช. (TCELS) และ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (NVI) ซึ่งเป็นหน่วยบริหารจัดการทุนเฉพาะทาง ที่เข้าร่วมในปีแรก โอกาสนี้ รศ. ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า สกสว. ได้นำเสนอกรอบวงเงินงบประมาณด้าน ววน. ของกองทุนส่งเสริม ววน. ประจำปีงบประมาณ พ. 2566 โดยเป็นกรอบวงเงินงบประมาณรูปแบบเชิงยุทธศาสตร์บนฐานมูลค่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการลงทุนด้าน ววน. (Impact-based Budgeting) ต่อคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว. ) วาระพิเศษ ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ. 2564 โดย กสว. มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณด้าน ววน. ของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ. 2566 จำนวน 29, 100 ล้านบาท (สองหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน) และสัดส่วนงบประมาณสนับสนุนงานเชิงกลยุทธ์ (Strategic Fund) ต่องบประมาณสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund) เป็นงบประมาณเพื่อสนับสนุนงานเชิงกลยุทธ์ประมาณร้อยละ 60 และงบประมาณเพื่อสนับสนุนงานมูลฐานประมาณร้อยละ 40 เพื่อเสนอต่อสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ต่อไป โดย สกสว.
วัตถุประสงค์ การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) มีวัตถุประสงค์ที่จะพยายามให้คำอธิบายปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ โดยพยายามใช้แนวที่เรียกว่า ปฏิฐานนิยม (Positivism) การอธิบายปรากฏการณ์จึงเป็นการนำเสนอเชิงตัวเลข ทางสถิติ เช่น ร้อยละของประชากรที่อาศัยอยู่ในเมือง ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจ 2. ลักษณะของข้อมูล การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) จะเก็บข้อมูลด้วยวิธีการสำรวจ เน้นการเก็บข้อมูลจากคนจำนวนมาก เพื่อทำการวิเคราะห์และทดสอบทฤษฎีหรือสร้างทฤษฎีและให้ความหมายในเชิงวิชาการมากกว่าการศึกษาแง่มุมแบบชาวบ้าน 3. การตั้งสมมติฐานและการทดสอบสมมติฐาน การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) ข้อมูลจากการวิจัยเชิงปริมาณจะเหมาะสมกับการทดสอบทฤษฎีด้วยวิธีการแบบอุปนัย (Deductive) แนวปฎิฐานนิยมเป็นหลัก 4. การทดสอบความแม่นยำ เที่ยงตรงของข้อมูลและความเชื่อถือได้ของข้อมูล การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) ใช้การเก็บข้อมูลจากคนจำนวนมากด้วยแบบสอบถาม คำถามในแบบสอบถามจึงจำเป็นต้องมีความชัดเจน 5. ระยะเวลา การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถแยกออกจากการเก็บข้อมูลโดยเด็ดขาดได้ การวิเคราะห์ข้อมูลอาจให้เจ้าหน้าที่วิเคราะห์เชิงสถิติดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับชุมชนที่ไปศึกษา ข้อดีและข้อด้อยของการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงปริมาณ ข้อดีของวิจัยเชิงคุณภาพ 1.
การเลือกหัวข้อเรื่องที่จะทำการวิจัย (Research a Topic) ในขั้นตอนแรกผู้วิจัยจะต้องตัดสินใจให้แน่ชัดเสียก่อนว่าจะวิจัยเรื่องอะไร แล้วกำหนดเป็นหัวเรื่องที่จะวิจัย 2. ) การกำหนดปัญหาในการวิจัย (Formulating the Research Problem) เป็นการตั้งปัญหาในเรื่องที่ต้องการวิจัยเพื่อหาคำตอบ หรือเป็นการแจกแจงวัตถุประสงค์ของการศึกษา โดยต้องกำหนดขอบเขตของปัญหาให้ชัดเจน และเป็นปัญหาที่สามารถหาคำตอบได้ 3. ) การสำรวจวรรณกรรม (Extensive Literature Survey) เป็นการทบทวนเอกสารต่างๆแนวคิดทางทฤษฎี และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับหัวเรื่องที่ต้องการศึกษา เพื่อหาแนวคิดทางทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย และสำรวจให้แน่ใจว่าไม่วิจัยซ้ำกับผู้อื่น ทั้งนี้การวิจัยควรเน้นการเสริมสร้างให้เกิดความรู้ใหม่ 4. ) การตั้งสมมติฐานการวิจัย (Formulating Hypothesis) เป็นการคาดคะเนคำตอบของปัญหาในการวิจัย หรือคาดคะเนความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ ที่จะศึกษาไว้ล่วงหน้าแล้วจึงหาข้อมูลมาพิสูจน์ 5. ) การออกแบบการวิจัย (Research Design) เป็นการวางแผนกำหนดวิธีการในการดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบของปัญหาในการวิจัย เช่นการเก็บข้อมูล การเลือกเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการวิจัย บุคลากรและงบประมาณที่จะใช้ 6. )
การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection) เป็นการวางแผนว่าจะเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างไร จะใช้ข้อมูลปฐมภูมิ หรือทุติยภูมิ และถ้าเป็นข้อมูลทุติยภูมิควรจะเก็บอย่างไร การสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูล ถ้าเป็นข้อมูลทุติยภูมิจะใช้ข้อมูลจากแหล่งใด 7. ) การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จะนำมาบรรณาธิการความถูกต้อง ( การตรวจสอบความถูกต้อง) และความน่าเชื่อถือของข้อมูลก่อน จึงทำการประเมินผลและวิเคราะห์ผลที่ได้และพิสูจน์กับสมมติบานที่ตั้งไว้ 8. )